หน้าหลัก
เบื้องหลักการถ่ายทำ
          การไหลซึมของน้ำผ่านมวลดิน เป็นแบบ “Laminar Flow” ผ่านช่องคดเคี้ยวระหว่างเม็ดดิน ในขณะเดียวกันแรงดันของน้ำก็จะเสียไปเพราะแรงเสียดทานของผิวช่องเม็ดดิน Darcy นักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศสได้เสนอกฎแห่งการไหลซึมไว้ว่า “ความเร็วของการไหลซึมของของเหลวผ่านตัวกลางพรุน (เช่นมวลดิน) จะเป็นปฏิภาคกับกับไฮดรอลิคเกรเดียน (Hydraulic Gradient)”
การไหลซึมของน้ำผ่านมวลดิน Henry Darcy
 
v    i
---( 1 )
 
หรือ v = ki
เมื่อ : v = ความเร็วของการไหลซึม (LT-1)  
  i = ไฮดรอลิคเกรเดียน =  
  k = ความซึมน้ำของตัวกลาง ซึ่งเป็นค่าคงที่ (LT-1)  
  h = ความต่างของระดับน้ำ (Head Difference) ในช่วงความยาวของการซึม L  
 
          จากสมการที่ 1 นี้จะนำไปใช้ในงานวิเคราะห์ปัญหาทางการไหลซึมของน้ำผ่านชั้นดิน ได้เกือบทุกแบบ สิ่งสำคัญ คือ ค่าคงที่ที่เป็นคุณสมบัติเฉพาะของชั้นดินที่เรียกว่า ค่าความซึมน้ำ (Permeability) ซึ่งจะขึ้นอยู่กับอิทธิพลของสิ่งต่อไปนี้
 
          1. ขนาดและรูปร่างของเม็ดดิน (Grain Size and Shape) แท้ที่จริงแล้วค่าความซึมน้ำควรจะขึ้นอยู่กับขนาดและรูปร่างของช่องว่างระหว่างเม็ดดินมากกว่าแต่คุณสมบัติทั้งสองของมวลดินมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด เช่น ดินที่มีเม็ดเล็กบางและเป็นแผ่น ช่องว่างที่น้ำซึมผ่านก็มักจะมีลักษณะเช่นเดียวกัน Allen Hazen ได้เสนอว่าในทรายและกรวด ค่าความซึมน้ำสมารถสัมพันธ์กับขนาดเม็ดดังนี้
  ---( 2 )
เมื่อ : D10 = ขนาดเม็ดเมื่อมี 10 เปอร์เซ็นต์ โดยน้ำหนักเป็นเม็ดที่เล็กกว่าที่ระบุ (ซ.ม.)  
          2. ความหนืดของของเหลวที่ซึมผ่าน (Viscousity of Pore Fluid) ในทางวิศวกรรมโยธามักเกี่ยวข้องกับน้ำเท่านั้น แต่ความหนืดของน้ำก็อาจเปลี่ยนแปลงได้เนื่องจากอุณหภูมิ และมักจะยึดถือเอาความหนืดที่อุณหภูมิ 20°c เป็นเกณฑ์ เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ความหนืดจะลดลง ทำให้น้ำซึมผ่านได้ง่าย ดังนั้น ค่าความซึมน้ำ ณ. อุณหภูมิต่างๆ อาจมีความสัมพันธ์กับที่ 20°c ดังนี้
  ---( 3)
เมื่อ : , เป็นความหนืดของน้ำที่อุณหภูมิ 20°c และ T°c ตามลำดับ  
          3. อัตราส่วนของช่องว่าง (Void Ratio) คืออัตราส่วนของช่องว่างระหว่างดินต่อปริมาตรเม็ดดิน เช่นในทรายหลวม น้ำย่อมไหลสะดวกกว่าทรายอัดแน่น มีผู้พยายามค้นคว้าหาความสัมพันธ์ของค่าความซึมน้ำ กับอัตราส่วนช่องว่าง เช่น
  ---( 4)
          4. ความอิ่มตัวของมวลดิน (Degree of Saturation) เมื่อมวลดินไม่อิ่มตัว ย่อมจะมีฟองอากาศคอยกั้นช่องว่าง ทำให้น้ำไหลซึมไม่สะดวก ดังนั้นในการทดลองในห้องปฏิบัติการจึงมักใช้ตัวอย่างดินที่อิ่มตัว เพื่อหลีกเลี่ยงอิทธิพลนี้
          ในการทดลองหาค่าความซึมน้ำอาจทำได้หลายวิธี เช่น แบบความดันน้ำคงที่ (Constant head) หรือความดันน้ำเปลี่ยนไป (Variable head) หรือแม้แต่ทดสอบในสนาม ดังนั้นการเลือกใช้วิธีทดลองจึงมีส่วนสำคัญ ซึ่งพอจะแนะนำได้ดังนี้
ตารางที่ 1 วิธีทดสอบหาค่าความซึมน้ำที่เหมาะสม
ลักษณะดิน
ช่วงค่าความซึมน้ำ
ซ.ม. / วินาที
วิธีที่ควรใช้
ดินเหนียวคงสภาพ
10-5 - 10-9
Variable head Consolidometer
ดินทราย
10-1 - 10-4
Constant head
ดินลูกรังบดอัด
10-3 - 10-8
Constant head โดยใช้ความดันเข้าช่วย
ดินเหนียวบดอัด
10-4 - 10-9
Constant head หรือ Consolidometer
          ในบทนี้จะกล่าวถึงรายละเอียดเฉพาะวิธีใช้ความดันคงที่ (Constant head) และวิธีความดันน้ำเปลี่ยนไป (Variable head) เท่านั้น
รูปที่ 1 การทดสอบความซึมน้ำโดยวิธีความดันคงที่
          รูปที่ 1 แสดงการทดลองหาค่าความซึมน้ำโดยวิธีความดันคงที่ จากสมการที่ 1 ถ้าพื้นที่หน้าตัดของตัวอย่างดินเท่ากับ A ดังนั้นปริมาณน้ำที่ไหลผ่านตัวอย่างดินจะเท่ากับ
  Q = vA = kiA ---( 5 )
เมื่อ : K = ค่าความซึมน้ำของตัวอย่างดิน ซึ่งต้องการทราบ  
  i = ไฮโดรลิค เกรเดียน =  
เมื่อแทนค่า i แล้วหาค่า k ในเทอมตัวแปรต่าง ๆ จะได้
  ---( 6 )
     
เมื่อ : Q = ปริมาณน้ำที่วัดระหว่างการทดสอบ ,ซม.3 / วินาที  
  L = ความยาวของตัวอย่างดิน , ซม.  
  A = พื้นที่หน้าตัดตัวอย่างดิน , ซม.2  
  h = ความต่างของระดับน้ำ (ดังรูปที่ 1 ) , ซม.  
     
ในกรณีที่ใช้ความดันเข้าช่วย ดังนั้นสมการ 6 จะเป็น
     
  ---( 7 )
          รูปที่ 2 แสดงการทดลองหาค่าความซึมน้ำโดยวิธีความดันเปลี่ยน โดยใช้ความดันจากความสูงของระดับน้ำในหลอดแก้ว (Burette) ซึ่งมีพื้นที่หน้าตัด a และระดับน้ำจะลดลงเรื่อยๆ ในระหว่าการทดลอง ถ้าเราพิจารณาที่ช่วงเวลาใดๆ dt โดยระดับน้ำในหลอดแก้วลงลง dt จากสมการ 1
   
 
 
 
 
คลิกเพื่อขยายรูป
รูปที่ 2
การทดสอบความซึมน้ำ โดยวิธีความดันเปลี่ยน
  ---( 8 )
     
หรือ ---( 9 )
 เมื่อ : a, A = พื้นที่หน้าตัดของหลอดแก้วและตัวอย่างดิน ตามลำดับ, ซม.2
  L = ความยาวของตัวอย่างดิน, ซม.
  = เวลาที่ทำการทดลองปล่อยให้ระดับน้ำตกจาก ระดับ h1 ถึงระดับ h2 , วินาที
  h11, h2 = ระดับน้ำเมื่อเริ่มจับเวลา และระดับน้ำเมื่อเวลาผ่านไป 0 และ T วินาที ตามลำดับ, ซม
เมนูหลักแบบทดสอบก่อนเรียนบทนำทฤษฎีเครื่องมือและอุปกรณ์วิธีการทดลองการคำนวณผลการทดลองแบบทดสอบหลังเรียน 
เชิดพันธุ์ อมรกุล และ ผศ.ดร.สุทธิศักดิ์ ศรลัมพ์
ศูนย์วิจัยและพัฒนาวิศวกรรมปฐพีและฐานราก  ภาควิชาวิศวกรรมโยธา   คณะวิศวกรรมศาสตร์   มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์